เห็นรายการโปรใหญ่ไฟกระพริบของฟาสต์ฟู้ดแบรนด์ดังที่ได้ปล่อยโปรใหม่สุดไฉไล “ชุดอิ่มคุ้ม เลือกได้” โดยการเลือกเมนูหลัก+ของว่าง+เครื่องดื่ม ในราคาเพียง 99 บาทเท่า ก็ชวนให้วิเคราะห์เผื่อเพื่อนๆ ที่กำลังคิดทำโปรฯ นำไปพิจารณาประกอบการกำหนดกลยุทธ์
จะว่าไปแล้วโปรที่แบรนด์ใหญ่ออกมาคราวนี้แต่ละเมนูหลักที่ให้เลือกนั้นก็ไม่ใช่เมนูไก่กาอาระเล่ซะด้วย เป็นเมนูหลัก เมนูพรีเมียมกันเลยทีเดียวซึ่งถ้าใครเป็นแฟนประจำก็จะรู้ว่าเมนูหลักแต่ละตัวที่เอามาทำโปรราคาต่อชิ้นไม่ต่ำกว่า 95 บาทเข้าไปแล้วเท่ากับว่า ลูกค้าเพิ่มอีก 4 บาทได้ของว่างและน้ำ มองในมุมผู้บริโภคเป็นลูกค้าประจำก็บอกเลยว่าคุ้มมว๊ากกกกก
.
วิเคราะห์จากความคิดส่วนตัวการปล่อยโปรแรงแบบนี้มาแน่นอนว่าสามารถดึงกลุ่มลูกค้าใหม่ให้มาอิ่มกันได้ง่ายขึ้นอีกด้วย และยังเป็นการกระตุ้นให้ลูกค้าเก่าสามารถทานซ้ำได้บ่อยมากขึ้นอีกต่างหาก
.
ส่วนในมุมมองบริษัทสิ่งที่ต้องต่อสู้กับผลกระทบอีกด้านของการออกโปรโมชั่นแบบนี้คือ
1.ต้นทุนทางอาหารที่จะสูงขึ้น เนื่องจากปกติแล้วเบอร์เกอร์ 1 ชุดที่ประกอบด้วยเฟรนฟรายด์ Size M และเครื่องดื่มอัดลม16 oz มีราคาขายต่อชุดเริ่มต้นที่ 159 บาท แต่พอมาทำโปรโมชั่นนี้เท่ากับยอดขายที่เคยได้จากคนที่ทานเป็นชุดอยู่แล้วจะลดลงทันที 60 บาท!!!!
**หมายเหตุ เฟรนฟรายด์ในโปรโมชั่นนี้เป็น Size S**
2.ค่าเฉลี่ยต่อหัวที่ต้องวัดใจกันว่าจะลดหรือจะเพิ่ม
2.1 ถ้าในมุมที่เพิ่ม จะเพิ่มจากการที่คนสั่งเบอร์เกอร์ชิ้นเดียว หรือสั่งเมนูโปรใหญ่ แล้วพนักงานเชียร์ขายเพิ่มเติม ดังนั้นกุญแจสำคัญดอกที่หนึ่งของโปรโมชั่นนี้ ผมวางไว้ที่พนักงาน ต้องทำการบ้านให้พนักงานต้องเชียร์อย่างดี
2.2 ถ้าในมุมที่ลด ตามข้อมูลในข้อที่ 1ที่ได้บอกไป
ก็ต้องมาวิเคราะห์กันว่าจริงๆ แล้วควรปล่อยโปรโมชั่นนี้ทุกสาขาหรือไม่ หากสาขาใดที่มีค่าเฉลี่ยต่อหัวที่สูงกว่า 99 อยู่แล้วอาจจะไม่ต้องใช้โปรโมชั่นนี้ก็ได้
แต่ระดับแบรนด์ใหญ่ขนาดนี้ คงมองหมากกระดานนี้ไว้ล่วงหน้าเรียบร้อยแล้วว่า หากต้นทุนอาหารสูงขึ้น ค่าเฉลี่ยต่อหัวลดลง สิ่งที่เขาต้องการได้จากโปรโมชั่นนี้อาจคือ การสร้างกลุ่มลูกค้าใหม่ และการเพิ่มจำนวนของลูกค้าที่มาใช้บริการภายในร้านให้มากขึ้นทวีคุณเพื่อชดเชยกับค่าเฉลี่ยต่อหัวที่ลดลงนั้นเอง และในการที่ทำโปรโมชั่นแบบนี้แสดงว่าวัตถุดิบอาหารที่มาออกโปรโมชั่นต้องใช้ปริมาณที่มากขึ้นอาจจะ 2-2.5 เท่า ดังนั้น จะใช้ต่อรองกับซัพพลายเออร์ในการขอลดราคาวัตถุดิบในช่วงนี้ได้ด้วย และนี้คือกุญแจสำคัญอีกดอกของโปรโมชั่นนี้คือ ต้องได้จำนวนลูกค้าที่เข้ามาเยอะขึ้นในปริมาณที่ไม่ทำให้ยอดขายรวมลดลง
หรือๆๆๆ ถ้าไม่คิดมากไป การออกโปรใหญ่นี้ ก็อาจเนื่องมาจาก ก่อนหน้านั้น คู่แข่งรายสำคัญได้มีการปล่อยโปรใหญ่โดยการพาเหรดไรซ์โบว์ลสุดแซ่บมาทั้ง 6 รายการในราคาเพียง 59 บาท (ไม่มีน้ำ) ซึ่ง หากปล่อยให้คู่แข่งอัดโปรโดยที่ไม่ทำอะไรเลย ก็จะเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการเสียฐานลูกค้าทั้งเก่าและใหม่ในช่วงเวลานั้นไปได้ ซึ่งมูลค่าที่เสียไปอาจมากกว่ามูลค่าที่อัดโปรก็เป็นได้
สรุปประเด็นคือ อยากชวนเพื่อนๆ คิดถึงเป้าหมายของการทำโปรฯ ว่าเราจะทำโปรฯ เพื่ออะไร และการทำโปรฯ ยังจะต้องคำนึงถึงผลทุกด้านที่จะตามมา ตั้งแต่การดิวซัพพลายเออร์เพื่อขอส่วนลด จนไปถึงการติวเข้มพนักงานเชียร์ และการดูคู่แข่งขัน ไม่ใช่เพียงแต่เห็นคู่แข่งอันดโปรฯ เราอัดตามบ้างเท่านั้น โปรฯ ถ้าวางแผนมาดีก็มีโอกาสทำยอดทะลุเป้าได้ และยังทำให้ลูกค้าใหม่ๆ รู้จักเราเพิ่มขึ้น