“SEE FAH” หรือร้านสีฟ้า เชื่อว่า ใครหลายคนน่าจะเคยไปนั่งทานที่ร้านอาหารกันมาบ้างแล้ว ถ้าใครเคยทานจะทราบเลยว่าคุณภาพและวัตถุดิบอาหารของทางร้าน ดีมาก ๆ เพราะทางร้านใส่ใจรายละเอียดทุกขั้นตอนของการทำอาหารจริง ๆ
และในช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาลกินเจ ร้านสีฟ้า ก็มีเมนูอาหารเจไว้ต้อนรับกว่า 40 เมนู ซึ่งบางคนเวลาได้เห็นอาหารเจถึงกับต้องส่ายหน้าหนี เพราะอาหารเจที่เราเห็นส่วนใหญ่จะมีรสชาติจืด สีสันไม่น่าทาน มีแต่ผักเต็มไปหมด
แต่สำหรับร้านสีฟ้าแล้ว จะทำให้การทานอาหารเจของคุณเปลี่ยนไป นอกจากนี้ ยังมีเมนูปกติที่คนไม่ชอบทานเจเลยก็สามารถทานได้ ถือเป็นร้านอาหารที่น่านั่งและไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน
“สีฟ้า” มีจุดเริ่มต้นเป็นมาอย่างไร ?
คุณเกด หรือ ดร.นิษฐา รัชไชยบุญ (นันทขว้าง) ทายาทรุ่นที่ 3 ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สีฟ้า กรุ๊ป กล่าวว่า “ร้านสีฟ้าเปิดมาเป็นเวลา 85 ปีแล้ว ตั้งแต่ปี 1936 โดยเริ่มจากคุณปู่และคุณย่า คุณปู่เป็นคนไหหลำได้นั่งเรือสำเภามาและมาเจอคุณย่าที่เป็นแม่ค้าขายผลไม้ที่สะพานหัน จากนั้น จึงได้เปิดเป็นร้านไอศกรีม โดยจะนำผลไม้ที่เหลือมาปั่นเป็นไอศกรีม เช่น ไอศกรีมทุเรียน
ร้านไอศกรีมสมัยก่อนจะเป็นกำแพงสีฟ้าและหลอดไฟสีฟ้า ในช่วงนั้นยังไม่มีชื่อร้าน แต่มีคุณผู้หญิงท่านหนึ่งเรียกว่า “ร้านสีฟ้า” เราจึงนำชื่อนี้มาตั้งเป็นชื่อร้านนั่นเอง ร้านแรกจะตั้งอยู่ถนนราชวงศ์”
หัวใจสำคัญของการทำร้านสไตล์สีฟ้า
สิ่งที่เป็นหัวใจสำคัญและทำให้ร้านอาหารสีฟ้าประสบความสำเร็จมาจนถึง 85 ปี
- คัดเลือกสินค้าและวัตถุดิบที่มีคุณภาพ
- คงความรสชาติแบบดั้งเดิม
ร้านสีฟ้าเปลี่ยนแค่เทคโนโลยีเท่านั้น แต่เรื่องของรสชาติและคุณภาพยังคงเป็นแบบดั้งเดิมเหมือนที่เคยทำ อย่างข้าวหน้าไก่ราชวงศ์ในยุค 85 ปี, เปาะเปี๊ยะสด, ขนมจีบแบบดั้งเดิม ทางร้านก็ยังมีขายอยู่
และยังมีบางเมนูที่ยังใช้วิธีการทำแบบโบราณเช่น บะหมี่ ซึ่งทางร้านจะใช้มือในการปั้นเป็นก้อน ซึ่งเป็นศิลปะของการทำอาหารอย่างแท้จริง
สิ่งที่ทำให้สีฟ้าแตกต่างจากแบรนด์ร้านอาหารอื่น
เรื่องคุณภาพ
ร้านสีฟ้ามีการคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นตัวซอสต่าง ๆ ซึ่งมีการผลิตตัวซอสมากกว่า 20 ซอสที่ใช้ในร้านอาหาร คุณภาพจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ร้านคงอยู่จนถึงทุกวันนี้
ความเป็นมาของสโลแกน
“อย่าลืมสีฟ้า เวลาหิว” คุณพ่อจิตติ รัชไชยบุญ เป็นคนตั้งสโลแกนและใช้สโลแกนนี้มานานกว่า 40 ปี นอกจากนั้น ยังนำมาทำเพลงอีกด้วย ชื่อเพลงว่า “อย่าลืมสีฟ้า เวลาหิว”
มีการปรับตัวอย่างไร ให้คนรุ่นใหม่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ?
เนื่องจากร้านสีฟ้าเป็นร้านที่เก่าแก่ จึงต้องมีการพัฒนาอยู่เรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องด้านการตลาด, อาหาร, รูปแบบของร้านอาหารที่ต้องทำให้เข้ากับยุคสมัยของปัจจุบัน
การตลาด
การตลาดมีการเปลี่ยนแปลง มีการพัฒนาเข้ากับโลกโซเชียลมากขึ้น
รูปแบบการขายอาหาร
ปกติเราคาดหวังว่า ลูกค้าจะเข้ามาทานอาหารในร้าน แต่ปัจจุบันด้วยสถานการณ์โควิด เราจึงมองจุด Delivery มากขึ้น เพราะลูกค้าหลายคนได้มาทานร้านสีฟ้าเพราะคุณพ่อคุณแม่พามา แต่ในอีกมุมหนึ่ง ลูกค้าก็รู้สึกสบายใจในการทานอาหารกล่องมากขึ้น ทำให้ร้านสีฟ้าต้องตีตลาด Delivery มากขึ้น ไม่ว่าจะในเมืองหรือนอกเมือง
มีการรับมือกับการให้บริการลูกค้า Gen ใหม่อย่างไร ?
Gen ใหม่จะมองหาอาหารที่มีความ healthy มากขึ้น มีความหลากหลายมากขึ้น มีเมนูใหม่มากขึ้น เราจึงสอดแทรกสิ่งพวกนี้เข้าไปในเมนูร้านสีฟ้ามากขึ้นด้วย อย่างเช่น เมนูเจ
ร้านสีฟ้าจะไม่ได้เป็นเจจ๋า แต่จะเป็นแบบ Beyond Meat เพื่อปรับให้เข้ากับน้อง ๆ รุ่นใหม่ได้ ส่วนความ healthy เราได้มีการเพิ่มผักสลัดเข้าไปในตัวอาหารเพิ่มขึ้น น้อง ๆ ต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน
นอกจากเมนูอาหารเจแล้ว ทางร้านสีฟ้ายังมีเมนูอื่น ๆ ที่ควรค่าแก่การสั่งมาทานอย่างมาก ได้แก่ …
ในแง่ของการทำการตลาด ยุคก่อนกับยุคปัจจุบัน ร้านสีฟ้ามีการปรับเปลี่ยนไปมากแค่ไหน ?
การทำตลาดในยุคก่อนจะออกไปทางหนังสือพิมพ์และภาพนิ่งเสียส่วนใหญ่ แต่ในปัจจุบันจะเป็นเหมือน VLOG หรือวิดิโอมากขึ้น เพื่อให้เข้ากับกลุ่มนักท่องเที่ยวมากขึ้น และทางร้านได้เพิ่มการตลาดให้กับนักท่องเที่ยวจีน โดยการให้บล็อกเกอร์ไทยและต่างประเทศเข้ามารีวิว
มีการบริหารในแต่ละสาขาอย่างไร ?
เรามี Centers Kitchen เพื่อทำการควบคุมวัตถุดิบ, ซอส, อาหาร และมีไว้เป็นที่จัดส่งไปตามสาขาต่าง ๆ ดังนั้น สินค้าจะผลิตในวันนี้และใช้พรุ่งนี้ สินค้าเราจึงค่อนข้างสด เพราะฉะนั้นตัว Delivery Centers จะเป็นที่ส่งสินค้า เพื่อควบคุมคุณภาพอาหารให้ใกล้เคียงเกิน 90%
อีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญคือ มีการ Training พนักงานในการใช้วัตถุดิบให้ถูกต้อง ถูกลักษณะการทำอาหาร เมื่อพอนำมาประกอบกันจะทำให้อาหารจานหนึ่งมีความแม่นยำมากขึ้น
ในช่วงโควิดที่ผ่านมา ได้รับผลกระทบมากน้อยแค่ไหน ? และมีแนวทางการรับมืออย่างไร ?
จริง ๆ แล้ว สีฟ้า กรุ๊ป ไม่ได้มีแค่ร้านสีฟ้า แต่มีทั้งหมด 3 กรุ๊ป
กรุ๊ป 1 : แบรนด์สีฟ้า
กรุ๊ป 2 : ทำอาหารทุกอย่างให้กับโรงแรม
กรุ๊ป 3 : เป็นกรุ๊ปที่ทำอาหาร OEM แบรนด์ใดก็ตามที่มาจ้างเราทำ เราก็จะทำในแบรนด์นั้น ๆ อย่างลูกค้าหลักของร้านเราคือ AirAsia ร้านเราก็จะทำอาหารกล่องให้
แต่พอยุคโควิด กรุ๊ปที่ได้รับผลกระทบคือ สายการบินและทำให้ไม่มีนักท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นเราต้องมีการปรับตัวค่อนข้างสูง ส่วนของโรงแรม ปกติแล้วจะมีแต่นักท่องเที่ยว แต่วันนี้โรงแรมได้เปลี่ยนเป็น ASQ เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้ามากักตัว 14 วัน ทำให้ทางร้านสีฟ้าต้องมีการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด
โดยเปลี่ยนเป็นอาหารกล่อง และเน้น Delivery มากขึ้น หลาย ๆ สินค้ามีการเกิดขึ้นในยุคโควิด ได้แก่ Frozen Homemade ซาลาเปาแช่แข็งหลากรสที่ลูกค้าสามารถนำไปทำทานที่บ้านได้เลย
เรามองว่า แทนที่ลูกค้าจะนำอาหารที่สำเร็จแล้วไป ตอนนี้ลูกค้ามีการอยากทำอาหาร อยากถ่ายรูปมากขึ้น ซึ่ง Frozen Homemade น่าจะตอบโจทย์ลูกค้าที่สุด อีกทั้ง ยังมีวีดิโอการสอนทำบะหมี่หมูแดงให้อีกด้วย
นอกจากนี้ ยังทำ Delivery Kitchen ที่เป็นการนำแบรนด์หลายแบรนด์ของ สีฟ้า กรุ๊ป ได้แก่ SEE FAH (สีฟ้า), Bake Brother, ตั่วตั่วเปา, Osaka Ohsho (ร้านอาหารญี่ปุ่น) ทั้ง 4 แบรนด์จะมาอยู่ใน kitchen เดียวกัน ก็จะส่ง Delivery ทั้ง 4 แบรนด์เลย
การทำงานระหว่าง Gen แบบรุ่นสู่รุ่นเป็นอย่างไรบ้าง?
“การทำงานระหว่าง Gen เป็นเรื่องที่คลาสสิคและเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องมีความอดทนซึ่งกันและกัน เพราะว่าแนวคิด, วิธีการทำงาน และหลักการจะไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นเราผู้เป็น Gen 3 จะต้องให้ Gen 2 รู้สึกมั่นใจว่า เราไม่ไปทำร้านเขาพัง ส่วน Gen 2 ต้องมีความมั่นใจว่า เราจะทำให้เขาอยู่รอด
ซึ่งจุดตรงนี้กว่าจะไปเจอกันค่อนข้างยาก อย่าง Gen รุ่นใหม่อยากร่วมทำงานกับ Gen รุ่นเก่า อย่าคิดไปเปลี่ยนโลกเขา ไม่ว่าจะธุรกิจใดก็ตาม เราควรเริ่มจากจุดเล็ก ๆ ก่อนและค่อย ๆ เริ่มทำไปทีละขั้นตอน เช่น เราเข้าไปทำ Marketing เราก็แค่ทำในส่วน Marketing เท่านั้น เคล็ดลับนี้ จะทำให้เราเป็น Gen ใหม่ที่รู้สึกว่าเราสามารถทำได้ แล้วค่อยสร้างความมั่นใจให้กับ Gen เก่าว่าคุณทำได้” คุณเกด กล่าว
แผนการตลาดของร้านสีฟ้า
ในช่วงโควิด แผนการตลาดจะเปลี่ยนเป็นรายอาทิตย์ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์อย่าง Frozen Homemade จะออกภายในอาทิตย์เดียว หรือ Delivery Kitchen จะเปิดภายใน 2 อาทิตย์ แต่ถ้าเป็นช่วงปกติจะมีการวางแผนไว้เป็นปี
ฝากถึงผู้ประกอบการร้านอาหารอื่น ๆ
ปัจจุบันการเปิดร้านอาหารสามารถเปิดได้ง่ายมาก เพราะว่าปัจจุบันมีช่องทาง Delivery คุณสามารถเปิดครัวเล็ก ๆ หรือเปิดร้านอาหารเองได้ แต่ถึงแม้เปิดง่าย แต่มันยากที่จะทำให้ร้านอาหารอยู่รอด ซึ่งสิ่งที่ทำให้ร้านสีฟ้าประสบความสำเร็จคือ ควบคุมต้นทุนของอาหารและคิดราคาให้ถูกต้อง
นอกจากนี้ ควรศึกษาให้ครบวงจร ไม่ใช่ดูแต่สินค้าที่ออกจำหน่ายเพียงอย่างเดียว ควรวางแผนการตลาด การทำบัญชี สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้แหล่ะ จะทำให้เราประสบความสำเร็จ ไม่ว่าร้านอาหารจะใหญ่หรือเล็กก็ตาม
[irp posts=”10913″ name=”“จีบ ติ่มซำ ฟิวชั่น” ทำร้านติ่มซำยังไง ให้ครองใจวัยรุ่นยุคเกาหลีญี่ปุ่นฟีเวอร์”]
“อย่าลืม สีฟ้าเวลาหิว” ปัจจุบัน ร้านสีฟ้าได้เปิดให้ลูกค้าสามารถมานั่งทานที่ร้านได้แล้ว บรรยากาศดีมาก อาหารก็อร่อย แถมราคาไม่แรง
สำหรับเทศกาลอาหารเจ ทางร้านสีฟ้าเริ่มตั้งแต่วันนี้ ถึง 15 ต.ค 2564 เพื่อน ๆ คนไหนที่ชื่นชอบการทานอาหารเจหรืออยากเปลี่ยนบรรยากาศ สามารถแวะมาทานได้ที่ร้านสีฟ้า หรือถ้าใครไม่สะดวกสามารถสั่งผ่านช่องทางออนไลน์ได้เลย หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คลิก