ในการจะทำร้านอาหารให้สำเร็จถึงแม้ว่าเราจะวางแผนหรือทำการบ้านมาอย่างดี แต่สิ่งที่เป็นตัวขับเคลื่อนให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ นั่นก็คือ พนักงาน บุคคลผู้ใกล้ชิดลูกค้ามากสุด พนักงานจึงเป็นส่วนสำคัญในการสร้างประสบการณ์ลบหรือบวกให้แก่ลูกค้า แต่การที่ร้านหนึ่งร้านจะมีทีมงานทำงานได้ดั่งใจเจ้าของต้องการ ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ทุกอย่างเกิดจากการวางแผนมากกว่ามาจากทักษะส่วนตัวของพนักงานแต่ละคน ดังนั้น ร้านที่มีระบบจัดการพนักงานได้ดี ร้านที่มีการสร้างวัฒนธรรมองค์กร จะมีโอกาสสำเร็จได้เร็วกว่า ยั่งยืนกว่าด้วยเพราะมีทีมงานศักยภาพสูง เหมือนอย่างเช่นร้าน “ร้านใส่นม” ซึ่ง คุณกิตติยา บรรณาธิกร (โม) และ คุณสกลรัชต์ สีห์สินปิตากร (โอม) เจ้าของได้ให้ความสำคัญกับเรื่องสร้างทีมงาน พร้อมกับ การสร้างวัฒนธรรมองค์กร จนส่งผลให้แบรนด์ร้านใส่นมเติบโตแบบก้าวกระโดดขยายสาขาได้อย่างรวดเร็ว และยังส่งต่อระบบจัดการที่เข้มแข็งนี้ให้กับสาขาแฟรนไชส์ให้สำเร็จไปด้วยกัน มาติดตามสูตรการสร้างทีมงานสไตล์ร้านใส่นมว่าเขาทำอย่างไรให้พนักงานทุ่มเททำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
สร้างทีมพนักงาน
ก่อนที่คุณโมและคุณโอมจะประสบความสำเร็จในวันนี้ ก็เริ่มมาจากศูนย์ ทั้งคู่เรียนรู้สูตรเครื่องดื่มต่างๆ และเปิดร้านรถเข็นขายเอง โดยไม่มีลูกจ้างช่วย ทำเองทุกอย่างทุกกระบวนการ จนเข้าสู่เดือนที่ 2 จึงเริ่มมีลูกจ้าง 2 คน ถึงอย่างนั้นคุณโมและคุณโอมก็ไม่ได้ปล่อยให้ลูกจ้างชงเอง แต่ให้เริ่มจากทำงานง่ายๆ ไปก่อน เช่น รับออเดอร์ ตักน้ำแข็ง หลังจากนั้นจึงสอนงานอื่นๆ ต่อไป เมื่อร้านมีการเติบโตจำเป็นต้องมีพนักงานเพิ่มขึ้น การฝึกหัดพนักงานจึงมีความเข้มข้นมากขึ้นตามไปด้วย โดยเริ่มจากให้พนักงานทุกคนเรียนรู้จากศูนย์เช่นกัน ไม่ว่าจะรับเข้ามาในตำแหน่งอะไรก็ตาม
“พนักงานทุกคนที่เข้ามาเขาต้องมาเรียนรู้เหมือนๆ กันใหม่ ไม่ใช่ว่าเข้ามาแล้วจะได้เป็นพนักงานชงเลย หรือพนักงานเสิร์ฟ จะต้องมาเรียนรู้วิธีทำแต่ละเมนูด้วย มันจะมีสเต็ปให้เรียนรู้ กว่าจะได้ชง ต้องไปฝึกปิ้งขนมปัง ฝึกปั่นน้ำก่อน”
ด้วยเหตุนี้คุณโมและคุณโอมจึงไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องขาดแคลนพนักงาน โดยเฉพาะคนชงเครื่องดื่ม หรือคนทำเมนูต่างๆ เพราะทุกคนในร้านสามารถทำแทนกันได้ เนื่องจากพนักงานทุกคนต้องผ่านงานทุกส่วนในร้านมาแล้ว จุดนี้ทำให้กิจการแต่ละสาขาขับเคลื่อนไปได้ไม่สะดุดจากปัญหาพนักงานขาดหายไป
สร้างวัฒนธรรมองค์กร
และไม่ใช่แค่ฝึกให้พนักงานทำงานเป็นในทุกตำแหน่งเท่านั้น แต่คุณโม และคุณโอม ยังมองไปถึงการสร้างกิจการให้กลายเป็นองค์กรเข้มแข็งเพื่ออนาคตการเติบโตของกิจการ ด้วยการปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กรให้กับพนักงาน โดยเริ่มแรกมีพนักงานเพียงไม่กี่คน ดูแลกันแบบครอบครัวเหมือนพี่ดูแลน้อง แต่พอธุรกิจเติบโตขึ้น มีพนักงานมากขึ้น จำเป็นต้องตั้งกฎระเบียบในการปกครองคนหมู่มาก รวมถึงการสร้างวัฒนธรรมในองค์กร เพื่อสร้างคนที่ดีมาดูแลลูกค้า
“เมื่อก่อนมีการแบ่งพรรคแบ่งพวก สร้างความแตกแยกในหมู่พนักงาน ทำให้ไม่มีความสุขกัน พอเป็นแบบนี้มันกระทบถึงลูกค้า และกิจการ จึงต้องมีการสร้างวัฒนธรรมองค์กรขึ้นมา เพื่อให้ทุกคนมีความเป็นหนึ่งเดียวกัน”
โดยทุกเช้าก่อนที่พนักงานทุกคนจะเริ่มทำงานนั้น จะมีการรวมตัวออกกำลังกาย เพื่อให้เกิดการตื่นตัวกระฉับกระเฉง และสร้างความสามัคคีภายในทีมแต่ละสาขา พร้อมพูดคุยในเรื่องต่างๆ เพื่อให้เกิดความสนิทสนมเป็นกันเอง ปลุกเร้าสร้างความสุข ความคึกคักกันภายใน เพื่อพร้อมออกไปให้บริการลูกค้าด้วยความประทับใจ นอกจากเรื่องเตรียมความพร้อมของสภาพกายและจิตใจแล้ว คุณโมและคุณโอมยังปลูกฝังแนวคิดต่างๆ ให้กับพนักงานอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องขององค์กรธุรกิจที่จะต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
“ผมมักจะบอกพนักงานเสมอว่า เราต้องวิ่งตลอดนะไม่งั้นเราจะไม่มีกิน อย่ากลัวการเปลี่ยนแปลงกับสิ่งใหม่ๆ”
นอกจากนี้ยังฝังดีเอ็นเอ “ความใส่ใจ” ในการทำงาน เช่น ความสะอาด การบริการ คุณภาพของสินค้า เพื่อเป็นตัวแทนของร้านที่ดีในการสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้า เป็นไปตามสโลแกน “จุดรวมพลของคนใส่ใจ” ที่รวมหมายถึงทั้งพนักงาน องค์กร และลูกค้า
พนักงานวัยรุ่นผูกมิตรลูกค้า
ด้วยความที่คุณโมและคุณโอมอายุยังน้อย กอปรกับกับกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียน นักศึกษา จึงเน้นรับพนักงานประจำเป็นวัยรุ่น อายุสูงสุดไม่เกิน 25 ปี เพราะเล็งเห็นว่า ถ้าพนักงานอยู่ในวัยใกล้เคียงกับลูกค้าจะทำให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่ายขึ้น เหมือนเพื่อนดูแลเพื่อน มีความเป็นกันเอง คุณโมและคุณโอมเองก็สามารถสอนพนักงานวัยรุ่นได้เต็มที่ มีความเข้าใจและปกครองได้ง่ายกว่า เนื่องจากวัยอยู่ห่างกันไม่มากนัก
คุณโมเล่าว่า พนักงานที่มาทำงานส่วนใหญ่จะมีวุฒิภาวะความรับผิดชอบอยู่แล้ว เพราะเขาต้องหาเลี้ยงครอบครัว บางคนมีลูกมีเมียแล้ว บางคนยังเรียนอยู่(กศน.) ที่นี่พร้อมเปิดโอกาสให้กับทุกคนที่มีความตั้งใจทำงานเพราะเชื่อว่า ความอดทน ความรับผิดชอบ ไม่ได้ขึ้นกับอายุ หรือ วุฒิการศึกษา แต่อยู่ที่ตัวแต่ละบุคคลมากกว่า เกณฑ์ที่ใช้รับเข้าทำงานจะดูจากบุคลิกภาพ แววตาที่ตั้งใจก่อนเลย
“น้องๆ พร้อมเปิดรับ เรียนรู้ ในสิ่งที่เราป้อนเข้าไป เราตักเตือนเขาได้ มีความกระตือรือร้น สนุกในการทำงาน ถ้าเป็นพนักงานอายุเยอะกว่าเราอาจไม่กล้าไปเตือนเขา บางทีอาจไม่เข้าใจกัน”
ปั้นดินให้เป็นดาว
ถือเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของคุณโมและคุณโอมในการสร้างทีมพนักงานก็ว่าได้ โดยปกติแล้วแต่ละสาขาจะมีผู้จัดการร้าน 1 คน ซึ่งผู้จัดการร้านก็ไม่ใช่คนที่รับเข้ามาใหม่ แต่เป็นเด็กปั้นกันมาตั้งแต่สมัยขายช่วงแรกๆ ผ่านทุกงานที่ได้ฝึกมา จนเขามีประสบการณ์มากขึ้น มีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้จัดการร้านที่ไว้ใจได้ และพร้อมสนับสนุนให้พนักงานทุกคนมีอนาคตเติบโตมั่นคง
“จากเด็กล้างแก้ว ตักน้ำแข็ง เราเห็นเขาโตขึ้น มีงานที่ดี รายได้ที่ดีขึ้น ได้เป็นผู้จัดการร้าน รู้สึกภูมิใจมาก ที่เขาได้ดีในวันนี้”
“การรับเด็กวัยรุ่นเข้าทำงานเป็นพนักงานประจำ อาจเป็นเรื่องที่ไม่กล้าเสี่ยงของใครหลายคน แต่ถ้าเรารู้จักให้โอกาสเขา แล้วใช้ใจที่เป็นเมตตาในการปกครองดูแล พยายามทำความเข้าใจ วันหนึ่งเขาอาจจะตอบแทนเราด้วย ความซื่อสัตย์ ซึ่งหาได้ยากแล้วในสมัยนี้ก็เป็นได้ค่ะ” คุณโมกล่าวปิดท้าย
จะเห็นว่าสูตรการสร้างความเข้มแข็งทีมงานของคุณโอมและคุณโมเป็นวิธีการพื้นฐานทั่วๆ ไป คือ การเอาใจใส่ เอาใจเขาใส่ใจเรา และให้ความจริงใจกับพนักงานทุกคน เพราะทั้งคู่ทราบดีว่า องค์กรที่เติบโตมั่นคงได้ต้องมีพื้นฐานมาจากพนักงานที่พร้อมจะเติบโตไปด้วยกัน โดยเฉพาะงานบริการด้วยแล้ว พนักงานมีผลอย่างมากต่อการสร้างฐานลูกค้า ซึ่งวิธีการบริหารทีมงานสไตล์นี้ได้ถูกสร้างให้เป็นระบบมาตรฐานของร้านเพื่อให้ร้านสาขาแฟรนไชส์ได้นำไปใช้ในการบริหารจัดการทีมงานอย่างมีประสิทธิภาพด้วยเช่นกัน ร้านไหนที่มีปัญหาพนักงานบ่อยๆ ลองนำสูตรง่ายๆ นี้ไปปรับใช้กันดู
ขอขอบคุณ คุณโมและคุณโอม
ร้านใส่นม หัวถนนแจ้งวัฒนะ ท่าน้ำปากเกร็ด
โทร. 084-900-1220
แฟนเพจร้าน : ร้านใส่นม