ครั้งที่ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณสุรชัย ชาญอนุเดช เจ้าของและ CEO ซานตาเฟ่ สเต๊ก มีวิธีคิด วิธีการ และสิ่งที่เรียกว่า เคล็ดลับความสำเร็จมากมายที่ถูกถ่ายทอดออกมาจากประสบการณ์ของคุณสุชัย หนึ่งในเคล็ดลับที่น่าสนใจและคุณสุรชัยนำมาใช้ในครั้งที่ธุรกิจร้านสเต๊ก ซานตาฟ่ ยังเป็นแค่มดตัวเล็กๆ เพื่อให้ต่อกรกับคู่แข่งยักษ์ตัวใหญ่ๆ ได้ ซึ่งผมว่า มันเหมาะกับร้านอาหารทั่วไปด้วย เผื่อเพื่อนๆ จะนำไปเป็นไอเดียคิดต่อหากลยุทธ์ทำให้ร้านอาหารของเพื่อนๆ เป็นตัวเลือกในใจลูกค้าได้
คุณสุรชัยแบ่งปันประสบการณ์ให้ฟังว่า ทฤษฎีและวิธีการที่นำไปสู่ความสำเร็จต่างๆ ล้วนเกิดจากประสบการณ์ของผู้สำเร็จทั้งหลาย ซึ่งมีความแม่นยำ 80-90% สามารถทำนายได้ว่า หากทำตามทฤษฎี หรือคำแนะนำของผู้สำเร็จจะเกิดผลอย่างไร เพราะทุกๆ ทฤษฎีเป็นประสบการณ์ลองผิดลองถูกของคนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีการเรียนรู้ พัฒนาต่อยอดกันมายาวนาน นั่นหมายความว่า ถ้าเราทำตามทฤษฎี หรือทำตามที่คนสำเร็จทำ เราก็มีโอกาสสำเร็จเช่นกัน
แต่ถ้าเราจะคาดหวังให้ความสำเร็จมีขนาดเท่ากับต้นแบบที่เราเรียนรู้ มันเป็นไปได้ยาก เพราะเป็นการเดินตามกันไป ยิ่งหากเป็นกิจการขนาดเล็ก มีเงินทุนจำกัด การเดินตามทางคนสำเร็จจะเป็นการเดินแบบถูกทิ้งห่างๆ
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาคุณสุชัยพบว่า ยังเหลืออีก 10% ที่อยู่เหนือทฤษฎี ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะให้ผลลัพธ์อย่างไร เพราะเป็น 10%ที่แม้แต่คนสำเร็จเองก็ไม่เคยทำ เนื่องจาก 80-90% ที่พวกเขาทำก็สร้างความสำเร็จมากพอ จึงไม่จำเป็นต้องเสี่ยงทำในสิ่งที่คาดเดาไม่ได้
แต่ถ้าคนตัวเล็กๆ ต้องการโตแบบก้าวกระโดดขึ้นไปเทียบกับยักษ์ตัวใหญ่ เราต้องหาวิธีสร้างความสำเร็จอีก 10% ที่เหลือให้เจอ เพราะมันเป็น 10% ของโอกาสที่จะแซงหน้าคนสำเร็จได้มากกว่าและเร็วกว่า แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า เรากำลังเลือกเดินคนละเส้นทางที่คนสำเร็จไม่เคยเดิน แม้จะมีเป้าหมายที่ความสำเร็จเช่นเดียวกัน นั่นหมายถึงความเสี่ยงที่จะได้และเสียที่มีมากเช่นกัน
อย่างเช่นเมื่อครั้งที่คุณสุรชัยตัดสินใจสร้างแบรนด์ซานตาเฟ่ สเต๊ก เขาคิดตั้งแต่แรกว่า ถ้าไม่ได้เป็นผู้นำโอกาสสำเร็จก็จะน้อยลง ซานตา เฟ่ สเต๊ก จะเติบโตได้ยาก เพราะในเวลานั้นมีร้านสเต๊กเกิดขึ้นในบ้านเราจำนวนไม่น้อย เป้าหมายของซานตา เฟ่ สเต๊ก จึงถูกกำหนดให้ต้องเป็นเบอร์ 1 เรื่องสเต๊ก ใครอยากกินสเต๊กคุณภาพดีต้องนึกถึงซานตา เฟ่ สเต๊ก เท่านั้น
สิ่งที่คุณสุรชัยคิดและทำคือ มองหาวิธีที่คู่แข่งไม่ทำแล้วเลือกทำมัน เพราะในเวลานั้นถ้าจะเดินตามคู่แข่งที่ตัวใหญ่กว่า โอกาสจะก้าวแซงยากมาก แค่จะก้าวไปให้ทันกันยังเหนื่อย จึงต้องหาสิ่งที่คนสำเร็จไม่ทำให้เจอ เพื่อผลลัพธ์ที่ต่างออกไป
เช่น ทำป้ายโฆษณา ทำประชาสัมพันธ์ที่แตกต่างจากคู่แข่ง สร้างStory ให้มีความชัดเจน หรือครั้งหนึ่งซานตา เฟ่ สเต๊ก สร้างปรากฏการณ์สะเทือนวงการ ด้วยการจัดโปรโมชั่นกินฟรียกโต๊ะ ซึ่งเป็นโปรโมชั่นที่คนอื่นๆ ก็ใช้อยู่บ่อยๆ แต่คุณสุรชัยพลิกมุมกลับ แทนที่ลูกค้ากินอิ่มแล้วค่อยจับฉลากลุ้นกินฟรี ซานตาเฟ่ สเต๊กให้ลูกค้าจับฉลากก่อน ถ้าโชคดีได้กินฟรี ลูกค้าก็มีสิทธิ์สั่งได้ทุกเมนู จะถูกจะแพง จะมากจะน้อยได้หมด ผลคือลูกค้ารู้สึกเป็นผู้ได้เปรียบ เพราะเขามีโอกาสได้กินฟรีแบบไม่อั้นจริงๆ ทำให้ลูกค้าของซานตา เฟ่ สเต๊ก แน่นทุกสาขา และเพิ่มขึ้นเท่าตัวอย่างต่อเนื่องแม้โปรโมชั่นจะหมดไปนานแล้วก็ตาม
นี่คือความหมายของการมองหาช่องว่างทฤษฎีความสำเร็จอีก 10% ให้เจอ แล้วกล้าพอที่จะเสี่ยงเดินไปในทางที่แตกต่าง มีความอดทนได้ดีพอต่อผลลัพธ์ที่อาจไม่เกิดขึ้นทันที แต่โอกาสสำเร็จแบบก้าวกระโดดก็มีมากกว่าเช่นกัน
คุณสุรชัยยังบอกด้วยว่า “สำหรับผมตลอดเวลา 30 กว่าปี ผมเจอ 10% ที่คนสำเร็จไม่ทำทุกครั้งที่ค้นหา ดังนั้น มันมี 10% ที่จะทำให้คุณสำเร็จมากกว่าคนอื่นอยู่ในทุกๆ อาชีพ ทุกๆ กิจกรรม ถ้าคุณได้ค้นหามันจริงๆ”