เดี๋ยวนี้เมนูธรรมดาๆ สามารถทำให้เป็นเมนูเพิ่มราคา สร้างจุดเด่น เป็นจุดขายให้กับร้านได้ไม่ยาก หากเจ้าของร้านมีมุมคิดที่แตกต่าง ยุคนี้ทุกอย่างเป็นจริงได้หมด การทำร้านอาหารสมัยนี้แค่อร่อยอย่างเดียวอาจไม่พอแล้ว เช่นเมนูตัวอย่างที่แอดมินไปเจอมากับตา ตักใส่ปากกับมือ มันคือความธรรมดาๆ ที่ต้องยอมจ่ายแบบไม่ธรรมดาอย่างเต็มใจ
“แสบไข่” คือชื่อเมนูที่ว่า แค่ได้ยินชื่อก็ชวนแสบ ชวนคันอยากลองดูว่ามันคืออะไรแล้วใช่ไหมค่ะ แอดมินเพิ่งไปกินมา จริงๆ มันก็คือเมนูข้าวผัดกระเพราหมูสับทำแบบรสจัดจ้านเสิร์ฟมาในจานหินสไตล์เกาหลีทานคลุกกับไข่สดๆ รูปร่างหน้าตาเหมือนกับข้าวยำเกาหลี (บิบิมบับ) วิธีทานก็ใช้การคลุกเหมือนกับทานข้าวยำฯ แต่ในระหว่างที่คลุกนั้นจะมีควันร้อนฉ่าออกมา ช่วยส่งให้เมนูกระเพรานี้อร่อยยิ่งขึ้น แถมยังสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าอีกด้วย กลายเป็นหนึ่งในเมนูซิเนเจอร์ประจำร้าน “อย่าลืมฉัน” ซอยจุฬา 50 ใครๆ ที่มาต้องสั่งเมนูนี้กันทั้งนั้น สนนราคาอยู่ 80 บาท!!!
ถ้าจะมองว่าเมนู “แสบไข่” เป็นข้าวผัดกระเพราหมูสับ ซึ่งเป็นเมนูบ้านๆ หาทานได้ง่ายตามร้านอาหารตามสั่งทั่วไปก็ไม่ผิด แต่ร้านนี้สามารถสร้างสรรค์ให้กลายเป็นเมนูไม่ธรรมดาสามารถสร้างมูลค่า และ เป็นที่จดจำของลูกค้า กลายเป็นซิกเนเจอร์ประจำร้าน เรื่องแบบนี้อยู่ที่ไอเดียเป็นสำคัญ
และอีกอย่างที่ไม่ควรมองข้ามคือ ภาชนะที่ใช้ใส่เสิร์ฟการคัดเลือกภาชนะที่ช่วยส่งเสริมให้เมนูธรรมดาดูเป็นเมนูไฮเอนด์ก็เป็นสิ่งจำเป็น ผู้บริโภคพร้อมจ่ายให้กับความรู้สึกดี คุ้ม มีระดับเสมอ ดังนั้น นอกจากเรื่องของการดีไซน์ ตกแต่งหน้าตาของอาหารแล้ว การเลือกภาชนะใส่อาหารก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ยิ่งสังคมสมัยนี้เวลาจะไปทานร้านอาหารที่ไหนก็มักจะต้องถ่ายรูปอาหารโชว์ในโลกโซเชี่ยล กดเช็คอินร้านอาหาร ถ้าร้านคุณมีเมนูที่สร้างความอยากรู้ อยากรอง รองแล้วโดน ถึงแม้ว่าเมนูนั้นจะไม่ใช่เมนูที่คิดค้นขึ้นใหม่ไม่เคยมีมาก่อน เป็นเมนูธรรมดาๆ ก็สามารถทำให้ลูกค้าอดไม่ได้ที่จะต้องแชร์บอกต่อ ผลคือความโด่งดังโดยที่เราแทบไม่ต้องเปลืองงบการประชาสัมพันธ์เลย
ขอขอบคุณภาพจากเพจร้านอาหาร “อย่าลืมฉัน” ซอยจุฬา 50
เรื่องโดย แมวเพ้อเจ้อ