เป็นคำถามสะกิดใจให้ตั้งคำถามต่อไปว่า ที่จริงแล้วลูกค้าหายไป หรือ ผู้ประกอบการเองที่หาลูกค้าไม่เจอ ทำไมร้านอาหารที่อยู่ไม่ห่างกันร้านหนึ่งคนแน่นร้าน ต่อแถวยืนรอ แต่อีกร้านเงียบเหงา ทำไมร้านเราอาหารก็อร่อย วัตถุดิบก็พรีเมียมแต่ลูกค้าไม่มี ขณะที่อีกร้านก็รู้ๆ ว่าวัตถุดิบตลาดทั่วไปแต่ที่นั่งไม่พอ เป็นภาพที่ส่วนทางกันแต่เกิดขึ้นจริงๆ
แล้วลูกค้าหายไปไหน?
ชวนเปลี่ยนมุมคิดจาก “ลูกค้าหายไปไหน” เป็น “จะทำอย่างไรให้ลูกค้าเลือกเรา”
มีส้มตำร้านหนึ่งแต่ละวันๆ ต้องเปิดร้านแล้วนั่งมองร้านคู่แข่งข้างๆ ขายดีลูกค้าแน่นทุกวัน ส่วนร้านตัวเองที่นั่งว่างเปล่าเขาเฝ่ามองทุกวันๆๆๆ แต่เฝ้ามองพร้อมกับคำถามในใจ
“ทำไม่ลูกค้าไม่มาร้านฉัน”
“ฉันต้องทำอย่างไรให้ลูกค้าเลือกร้านฉัน”
ผ่านไปร่วมเดือนกับการเฝ่ามองความสำเร็จของคนอื่น แต่หลังจากนั้นทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี
ร้านคู่แข่งที่เคยคนแน่นแทบกลายเป็นร้านร้างลูกค้าย้ายมาหาร้านส้มตำร้านนี้ลูกค้าเพิ่มขึ้นๆๆๆ ต่อคิวยาวรอบร้าน จากร้านเล็กๆ ต้องขยายๆๆ จนเต็มพื้นที่ เบียดร้านส้มตำคู่แข่งให้กลายเป็นร้านเล็กๆ ไปแทน
เขาทำอะไรในช่วงเฝ้ามองร้านคนอื่นคึกคัก ร้านตัวเองเงียบเหงา เขาศึกษาสูตรน้ำปรุง สูตรน้ำปลาหร้า เขาค้นคิดรูปแบบส้มตำใหม่ๆ เข้าสร้างซิกเนเจอร์ส้มตำถาดที่ไม่เหมือนใครจนกลายเป็นจุดสนใจ เขาเปิดใจเรียนรู้การตลาดออนไลน์ในวัยเลยกลางคนสื่อรีวิวต่างๆ เห็นความต่างเดินเข้ามาหาเพื่อขอรีวิว เรื่องราวถูกเผยแพร่ออกไปๆรายการทีวีก็ตามมาความสนใจแฟรนไชส์ตามมา
ความเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นเพราะการตั้งคำถามในหัวว่า
“ทำไมลูกค้าไม่เลือกเรา”
“ทำอย่างไรให้ลูกค้าเลือกเรา”
ลูกค้าไม่ได้หายไปไหนหรอกครับ มีลูกค้าอยู่ทั่วไป และมีลูกค้าเกิดใหม่เพิ่มขึ้นตลอด เพียงแต่ลูกค้าพฤติกรรมเปลี่ยนไป ลูกค้าเลือกด้วยปัจจัยที่เปลี่ยนไปจากอดีต เราในฐานะคนทำร้านอาหาร ต้องเปิดใจ ต้องออกมาจากร้าน ต้องเรียนรู้ความเปลี่ยนแปลง ลูกค้าเดี๋ยวนี้เลือกตั้งแต่เห็นบนหน้าจอโทรศัพท์ ลูกค้าเดี๋ยวนี้พร้อมเชื่อในสิ่งที่เห็น แต่ลูกค้าเดี๋ยวนี้ก็พร้อมจากไปรวดเร็วเพื่อลองอะไรใหม่ๆ เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องชัดเจนกับลูกค้าของเราก่อนเป็นอันดับแรกว่า ลูกค้าของเราเป็นใคร และทำให้ลูกค้ารู้จัก เห็นเรา แม้ลูกค้าจะหมุนเวียนผ่านไป แต่ถ้าเราเป็นที่พบเห็นและทำตัวน่าสนใจ ลูกค้าใหม่ๆ ก็จะแวะมาเรื่อยๆ จากนั้นก็อยู่ที่เราว่าจะมีวิธีรักษาลูกค้าไว้อย่างไร