บรรจุภัณฑ์กับอาหารเป็นของคู่กันมาแต่ไหนแต่ไร วัตถุประสงค์หลัก ๆ เพื่อบรรจุ ห่อหุ้มอาหาร เป็นการป้องกันอาหารให้อยู่ในสภาพพร้อมบริโภค ซึ่งอดีตเราใช้บรรจุภัณฑ์ที่ทำมาจากวัสดุธรรมชาติหาได้ทั่วไป เช่น ใบตอง แต่เมื่อเวลาเปลี่ยนไปภาคอุตสาหกรรมมีการผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกรูปแบบต่าง ๆ ที่มีคุณสมบัติคงทนมากกว่าวัสดุธรรมชาติ สะดวกต่อการใช้งาน ทำให้บรรจุภัณฑ์พลาสติกกลายเป็นหนึ่งในของใช้จำเป็นของผู้ประกอบการขายอาหารทุกขนาด จนกระทั่งมาถึงยุคปัจจุบันกระแสต่อต้านการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกเกิดขึ้นทั่วโลกเนื่องจากบรรจุภัณฑ์พลาสติกย่อยสลายช้า และสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในหลาย ๆ ด้าน ทำให้เกิดกระแสปฏิวัติของวงการบรรจุภัณฑ์ครั้งสำคัญ ซึ่งมีผลโดยตรงต่อผู้ประกอบการร้านอาหารทุกประเภท ที่หากผู้ประกอบการท่านใดปรับตัวตามทันก็จะได้รับผลประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมจากการเปลี่ยนแปลงของวงการบรรจุภัณฑ์นี้
โลกบรรจุภัณฑ์อาหารกำลังเข้าสู่ยุค Circular Economy ผู้ประกอบการต้องตามให้ทัน
Circular Economy หรือ เศรษฐกิจหมุนเวียน เป็นแนวทางเศรษฐกิจที่เน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ให้ความสำคัญกับ การจัดการของเสียจากการผลิตและบริโภค ด้วยการนำวัตถุดิบที่ผ่านการผลิตและบริโภคแล้วเข้าสู่กระบวนการผลิตใหม่ (re-material) หรือนำมาใช้ซ้ำ (reuse) เมื่อนำแนวทางนี้มาใช้ในวงการบรรจุภัณฑ์อาหารก็คือการหมุนเวียนกลับมาใช้ให้คุ้มค่า เพื่อสร้างโลกที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดกับวงการบรรจุภัณฑ์โลกเวลานี้ บ้านเราก็เช่นกัน ตัวอย่างชัดเจนคือค่าย SCG ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์รายใหญ่ของประเทศประกาศชูแนวคิด Circular Economy และเดินหน้าออกแบบ ผลิตบรรจุภัณฑ์อาหารเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมออกสู่ตลาดอย่างจริงจังแบบครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เช่น เฟสท์ ไบโอ บรรจุภัณฑ์อาหารที่ผลิตจากเยื่อธรรมชาติ ผลิตด้วยเยื่อจากป่าปลูกที่ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกเพื่อเพิ่มรายได้ หลอดกระดาษเฟสท์ ช้อยส์ ที่ย่อยสลายง่าย ไม่เป็นภาระต่อธรรมชาติ บรรจุภัณฑ์พลาสติกรูปแบบต่าง ๆ ที่ออกแบบและเสริมนวัตกรรมให้ใช้อย่างคุ้มค่า ง่ายต่อการรีไซเคิล และมีคุณสมบัติย่อยสลายได้เอง เป็นต้น
ดังนั้นผู้ประกอบการเองก็ต้องตามให้ทันการเปลี่ยนแปลงนี้ เพราะจะมีผลโดยตรงต่อธุรกิจในอนาคตอันใกล้นี้อย่างเลี่ยงไม่ได้
บรรจุภัณฑ์ยุค 4.0 สร้างมูลค่าเพิ่มให้แบรนด์อาหารได้อย่างไร?
จากนี้บรรจุภัณฑ์จะไม่ใช่ทำหน้าที่เพียงแค่ บรรจุ ห่อหุ้ม ปกปิด ป้องกันอาหารอีกต่อไป แต่บรรจุภัณฑ์จะยังทำหน้าที่เป็นตัวช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอาหาร และสร้างมูลค่าให้กับแบรนด์ต่อผู้ประกอบการอย่างมีพลังอีกด้วย ซึ่ง 3 ข้อต่อไปนี้คือเคล็ดลับสำคัญที่ผู้ประกอบการ ร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่มควรรู้
-
เลือกชนิดกล่องอาหารให้เหมาะสมกับอาหาร และการใช้งาน
อาหารแต่ละชนิดมีความเหมาะสมกับบรรจุภัณฑ์ที่แตกต่างกัน อย่างเช่นอาหารไทยมีทั้ง ต้ม ผัด แกง ทอด และส่วนมากลูกค้ามักเลือกหลายเมนูพร้อมกัน ดังนั้น ควรเลือกใช้กล่องใส่อาหารที่มีช่องแยกอาหารแต่ละชนิด เพราะนอกจากจะช่วยเรื่องรสชาติแล้ว การจัดวางอาหารเป็นสัดส่วนยังช่วยให้อาหารดูน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น
ในกรณีเดลิเวอรี่ ปัจจุบันมีกล่องอาหารหลากหลายประเภทให้เลือกใช้ โดยเฉพาะกล่องรูปแบบใหม่ ๆ มีการออกแบบให้ฝาปิดสนิทมากขึ้น ป้องกันการซึมหกของอาหารได้ดี เหมาะสมกับอาหารเดลิเวอรี่ กล่องอาหารบางประเภทมีการใช้เทคโนโลยีป้องกันการเกิดฝ้าเมื่อใส่อาหารร้อน ทำให้สามารถโชว์หน้าตาของอาหารและทำให้อาหารน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น
บรรจุภัณฑ์อีกรูปแบบที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน ได้แก่ ชาม 2 ชั้น เหมาะสำหรับใส่ก๋วยเตี๋ยว, ราเมง สามารถแยกเส้นและน้ำซุปออกจากกันได้ บางร้านนำไปประยุกต์ใช้กับข้าวแกงกระหรี่ญี่ปุ่น, ข้าวหน้าต่าง ๆ ทำให้อาหารดูพรีเมี่ยม มีเอกลักษณ์ การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์อาหารที่เหมาะสม ทำให้ร้านอาหารสามารถขายได้ราคาที่สูงขึ้น และสร้างความลูกค้าประทับใจและการจดจำให้กับลูกค้า
- การสร้างเอกลักษณ์ของร้านอาหาร ด้วยรูปแบบกล่องอาหารที่เหมาะสม
ยุคนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่ากล่องอาหารเป็นส่วนหนึ่งของภาพลักษณ์เพราะลูกค้าจะเห็นกล่องอาหารเป็นอย่างแรก ชนิดของวัสดุเป็นสิ่งที่ควรเลือกให้เหมาะกับภาพลักษณ์ของร้านอาหาร อย่างที่บอกปัจจุบันเทรนด์บรรจุภัณฑ์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเป็นที่นิยมทั่วโลก ดังนั้นการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ประเภทดังกล่าว เช่น ทำจากกระดาษ หรือเยื่อธรรมชาติ จะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ให้กับร้าน ช่วยให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกที่ดีต่อแบรนด์ ซึ่งปัจจุบันบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมีหลากหลายรูปแบบให้เลือกตามความต้องการใช้งาน
การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์อาหารบางประเภท อาจต้องพิจารณาเรื่องต่าง ๆ เช่น เมนูอาหารที่เหมาะสม การเรียงซ้อนเวลาขนส่ง ผู้ประกอบควรได้ทดลองใช้บรรจุภัณฑ์รูปแบบต่างๆ และหาวิธีเพื่อที่จะนำมาใช้ได้อย่างเหมาะสมกับร้านมากที่สุด เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับอาหารที่สมบูรณ์ที่สุด แต่เชื่อเลยว่าหากเกาะติดเทรนด์นี้แล้ว จะช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของร้านและขยายฐานลูกค้าได้อย่างแน่นอน
- สร้างเอกลักษณ์ของร้านให้ลูกค้าสามารถจดจำได้ด้วยการออกแบบและพิมพ์โลโก้ลงบนบรรจุภัณฑ์
การสร้างแบรนด์ที่ชัดเจนจะช่วยให้อาหารดูพรีเมี่ยมมากขึ้น และสามารถขายได้ราคาที่สูงขึ้น ซึ่งบรรจุภัณฑ์เป็นหนึ่งในส่วนสำคัญต่อการสร้างการรับรู้ของแบรนด์ในยุคนี้ชนิดที่ผู้ประกอบการมองข้ามไม่ได้ โดยเฉพาะร้านอาหารประเภทร้านอาหารเดลิเวอรี่ ด้วยความที่ไม่มีหน้าร้าน บรรจุภัณฑ์จึงเปรียบเสมือนหน้าร้านเช่นกัน ดังนั้นการสร้างความจดจำกับลูกค้าผ่านการออกแบบโลโก้ และทำสายคาด สติกเกอร์ หรือพิมพ์สกรีนลงไปบนบรรจุภัณฑ์เป็นองค์ประกอบของบรรจุภัณฑ์ยุค 4.0
ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีการพิมพ์โลโก้ สกรีนบรรจุภัณฑ์พัฒนาก้าวหน้าอย่างมาก ผู้ประกอบการสามารถออกแบบได้ตามความต้องการ รวมถึงการเพิ่มช่องทางติดต่อร้านในรูปแบบ QR code ก็สามารถพิมพ์ลงในบรรจุภัณฑ์เพื่อให้ลูกค้าสามารถติดต่อได้ง่าย ผู้ประกอบการสามารถดีไซน์วิธีการสื่อสาร หรือ Story ต่าง ๆที่น่าสนใจของร้าน หรือเมนูอาหารลงไปในบรรจุภัณฑ์ได้ตามต้องการ เพื่อสร้างให้เกิดการจดจำแบรนด์และที่สำคัญสร้างแตกต่างจากคู่แข่ง
อย่ารอให้โลกบังคับคุณเปลี่ยนเพราะถึงวันนั้นอาจจะสายเกินไป!
เมื่อไม่นานนี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ประกาศรับทราบ (ร่าง) Roadmap การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. 2561-2573 แล้ว เป้าหมายหลักเพื่อลดและเลิกการใช้พลาสติก รวมถึงการนำขยะพลาสติกกลับมาใช้ประโยชน์ โดยปี 2562 จะเลิกใช้พลาสติก 3 ประเภท ได้แก่ 1) พลาสติกหุ้มฝาขวดน้ำดื่ม 2) ผลิตภัณฑ์พลาสติกที่มีส่วนผสมของสารประเภทอ็อกโซ่ (Oxo) และ 3) ไมโครบีดจากพลาสติก (Microbead) ปี 2565 จะเลิกใช้พลาสติก 4 ประเภท โดยเฉพาะพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียว (Single use Plastic) ได้แก่ 1) ถุงพลาสติกหูหิ้ว 2) กล่องโฟมบรรจุอาหาร 3) แก้วพลาสติก (แบบบางใช้ครั้งเดียว) 4) หลอดพลาสติก และปี 2570 มีเป้าหมายนำขยะผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์พลาสติก กลับเข้ามาใช้ประโยชน์ทั้ง 100%
แม้ระยะเวลากว่าจะถึงปี 2570 ยังอีกหลายปี แต่กระแสบรรจุภัณฑ์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้ถูกสังคมขับเคลื่อนไปแล้ว ดังนั้นผู้ประกอบการไม่ควรรอจนถึงเวลาสุดท้ายจึงจะเปลี่ยน เพราะถึงเวลานั้นอาจสายเกินไป ผู้บริโภคเปลี่ยนใจไปหาบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และคู่แข่งอาจเปลี่ยนก่อนจนเราตามไม่ทัน
สำหรับเพื่อน ๆ ผู้ประกอบการ ร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่มที่สนใจแนวคิดบรรจุภัณฑ์ Circular Economy แนะนำให้ไปงาน THAIFEX 2019 วันที่28 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน 2019 แล้วแวะไปที่บูธ SCG No. OO-01 อาคารชาเลนเจอร์ 1 อิมแพค เมืองทองธานีเพื่อน ๆ จะได้พบกับ “SOLUTIONS FOR FOOD INDUSTRY : โซลูชั่นด้านบรรจุภัณฑ์อาหารอย่างครบวงจร” ภายใต้แนวคิด Circular Economy หมุนเวียนกลับมาใช้ให้คุ้มค่า เพื่อสร้างโลกที่ยั่งยืน ได้เห็น ได้รู้เรื่องราวบรรจุภรรณฑ์ยุคใหม่ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ พร้อมรับคำปรึกษาด้านบรรจุภัณฑ์เพื่อผู้ประกอบการร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่มโดยเฉพาะได้ ฟรี