ถ้าพูดถึงธุรกิจขนมหวานที่ลงทุนน้อย กำไรดี สามารถทานได้เรื่อย ๆ ถูกใจคนทุกวัย ขนมเบื้องก็เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจ ซึ่งคุณฟาง หรือหัทยา คงรักช้าง เจ้าของร้านขนมเบื้องป้าเหน่ง ได้มาแชร์เทคนิคดี ๆ ที่ทำให้ ร้านขนมเบื้องป้าเหน่ง คงอยู่มาเป็นเวลา 40 กว่าปี และไม่ว่าจะเจอวิกฤตหนักแค่ไหน เขาก็สามารถผ่านมันไปได้
ประวัติความเป็นมา
คุณฟาง หรือหัทยา คงรักช้าง เจ้าของร้านขนมเบื้องป้าเหน่ง กล่าวว่า “คุณแม่ขายขนมเบื้องมาเป็นเวลา 40 ปีแล้ว ซึ่งเราเป็นรุ่นลูกเรียนจบคหกรรม ส่วนน้องชายเรียนบริหารธุรกิจ เราจึงอยากสานธุรกิจนี้ต่อ โดยเริ่มจากการไปขายหน้ามหาวิทยาลัยรังสิตจากที่ขายขนมเบื้องแบบธุรกิจในครอบครัวไปสักพัก จึงเกิดไอเดียอยากจะพัฒนาต่อยอดร้านขนมเบื้องสู่ธุรกิจแฟรนไชส์
จุดเด่นของร้านขนมเบื้องป้าเหน่งที่ไม่เหมือนใคร
- แป้งร้านเรากรอบ ครีมหอม รสชาติหวาน (ไม่ได้หวานเลี่ยน)
- แป้ง, ฝอยทอง, ไส้เค็ม ร้านเราทำเองทุกอย่าง
- เลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ เช่น ไข่ จะใช้ไข่เป็ดไล่ทุ่งเท่านั้น ที่ต้องใช้ไข่เป็ดไล่ทุ่ง เพราะไข่แดงของไข่เป็ดจะเหนียวกว่าไข่ฟาร์ม เวลานำมาทำขนมนอกจากจะได้รสชาติที่หวานแล้ว ยังเพิ่มความมันด้วย ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะชอบมาก ส่วนมะพร้าวจะเลือกที่ไม่แก่จนเกินไป เพื่อนำมาทำไส้เค็ม
- ทำไปขายไป ไม่ทำทิ้งไว้ เราต้องการให้ลูกค้าได้ทานขนมเบื้องที่ทำเสร็จใหม่ ๆ อยู่เสมอ
- ทำใหม่ ทำสด ไม่ทำค้าง เช่น สมมุติไข่ได้มาวันนี้ พรุ่งนี้ต้องทำเลย จะไม่เก็บค้างไว้หลาย ๆ วัน เพราะจะทำให้ไข่เละ ส่วนวัตถุดิบอื่น ๆ เราจะทำวันต่อวัน ไม่มีการเก็บไปทำวันพรุ่งนี้
- ออกแบบให้ทานง่ายขึ้น จากเดิมที่ขนมเบื้องเป็นรูปแบบพับครึ่ง ร้านเรามองว่า พอลูกค้ากลับไปถึงที่บ้านจะเละ ซ้อนทับกันจะไม่น่าทาน ยิ่งร้านเราใส่ครีมเยอะอยู่แล้ว จึงดัดแปลงเป็นขนมเบื้องแบบม้วนแทน
[irp posts=”14733″ name=”“Mango Tree” ขอสวนกระแสโควิด เดินหน้าขยายร้าน 17 สาขาในไทยและต่างประเทศ”]
เทคนิคที่ทำให้ร้านขนมเบื้องป้าเหน่งประสบความสำเร็จ
1.เลือกทำเลที่ลูกค้าเห็นชัด
ร้านขนมเบื้องป้าเหน่งเน้นจุดที่ลูกค้าเห็นชัด ได้แก่ มหาวิทยาลัย, ตลาด, ร้านสะดวกซื้อ, เซเว่น อีเลฟเว่น
2.เน้นขายถูก กระจายได้เยอะ
ร้านขนมเบื้องป้าเหน่งจะเน้นขายถูก แต่กระจายได้เยอะ ร้านเราจะขายขนมเบื้องถุงละ 20-30 บาทพอ ไม่ขายแพง เพราะเราคิดว่า ถ้าขายขนมเบื้องถุงละ 20 บาท จำนวนลูกค้ามี 10 คน ยังไงร้านเราก็สามารถขายได้ทุกคนเพราะเป็นราคาที่เอื้อมถึง แต่ถ้าขายขนมเบื้องถุงละ 40-50 บาท จำนวนลูกค้ามี 10 คน ลูกค้าอาจจะซื้อขนมเบื้องร้านเราเพียง 3-4 คนเท่านั้น
3.เน้นคุณภาพ
ร้านขนมเบื้องป้าเหน่งใส่ใจที่คุณภาพวัตถุดิบและรสชาติเสมอ 40 ปีที่แล้วแป้งกรอบอย่างไร ทุกวันนี้ก็ยังกรอบอยู่ รสชาติหวานกลมกล่อมอย่างไร ทุกวันนี้ก็ยังอร่อยเหมือนเดิม
4.ใส่ใจลูกค้าอยู่เสมอ
ร้านขนมเบื้องป้าเหน่งไม่ใช่ขายขนมเบื้องไปวัน ๆ เรามีการใส่ใจลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการทำขนมเบื้องสดใหม่จากเตา เพื่อให้ลูกค้าได้ทานอร่อย ๆ หรือเปลี่ยนจากขนมเบื้องพับครึ่งให้เป็นแบบม้วน เพื่อทานง่ายขึ้น เมื่อเราทำดี ลูกค้าชอบ เขาก็อยากกลับมาซื้อซ้ำ
5.ไม่หยุดพัฒนา
ถ้าเรื่องรสชาติ ส่วนผสมต่าง ๆ ยังคงเดิม แต่ที่พัฒนาขึ้นมาจะเป็นพวกถุง จากเดิมที่ใช้ถุงกระดาษธรรมดา ก็เริ่มติดต่อโรงงานจ้างผลิตถุงเป็นแบรนด์ของร้านเราเอง จากที่ลูกค้าซื้อได้ที่หน้าร้านสามารถทานได้เลย ตอนนี้มีขายแบบเป็นเซ็ตกลับบ้าน เพื่อลูกค้าจะได้นำกลับไปทำทานที่บ้านได้ มีการปรับให้เข้ากับสถานการณ์อยู่เสมอ
ปรับตัวอย่างไรในสถานการณ์โควิด-19
“สถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา ลูกค้าไม่สามารถมาซื้อขนมเบื้องที่หน้าร้านเราได้ เราจึงคิดว่าจะทำอย่างไรให้ลูกค้าสามารถทานขนมเบื้องเรา แล้วอร่อยเหมือนเดิม จึงเกิดไอเดียที่ว่า ทำขนมเบื้องเป็นเซ็ตกลับบ้าน น่าจะตอบโจทย์คือ แยกครีม แยกไส้ แยกแป้ง ซึ่งลูกค้าสามารถทำทานที่บ้านได้เลย ถ้าทานไม่หมดก็สามารถเก็บไว้ทานได้ 1 อาทิตย์
เรามีการจัดส่งขนมถึงหน้าบ้าน มีการทดลองว่า เมื่อนำครีมเข้าช่องแช่แข็งสามารถอยู่ได้นานเท่าไหร่ แป้งกรอบไหม ตั้งอุณหภูมิเท่านี้โอเคไหม กลิ่นเปลี่ยนไปจากเดิมหรือเปล่า
และเราได้วางแผนว่าจะเปิดขายแฟรนไชส์และเปิดคอร์สสอนอย่างจริงจัง แต่ ณ ตอนนี้ขยายสาขาในครอบครัวเท่านั้น เพราะสถานการณ์โควิด-19 เราไม่สามารถรับคนเข้ามาเรียนในบ้านได้ และเราไม่อยากให้คนที่ยังละเลงแป้งไม่เป็น หรือยังไม่ได้รู้ขั้นตอนต่าง ๆ มาเสียเงินค่าเตา ค่าวัตถุดิบ ซึ่งจำนวนเงินมันไม่ได้น้อย ๆ เลย ในอนาคตถ้าสถานการณ์ดีขึ้น เราก็อยากจะเปิดขายแฟรนไชส์ ตามที่ที่ตั้งใจไว้” คุณฟาง กล่าว